Skip to main content
Stocks seek to reclaim ATH on "done" US-China deal

หุ้นพยายามฟื้นตัวไปยัง ATH หลังข้อตกลงสหรัฐฯ-จีน "สำเร็จแล้ว"

ศ., 06/13/2025 - 11:18

ตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมามีความผันผวนอย่างมาก หลังจากช่วงตลาดกระทิงเกือบสามปี นักลงทุนเริ่มกังวลว่า ช่วงเวลาที่ดีอาจสิ้นสุดลงแล้วหลังจากที่ดัชนีหุ้นชั้นนำของสหรัฐฯ อย่าง S&P 500 และ Nasdaq 100 ร่วงลงเฉลี่ย 20% ถึง 25% ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2025 แรงกดดันจากเงินเฟ้อและค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของโลก และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ในยุโรปและตะวันออกกลางล้วนดูเหมือนเป็นสัญญาณเตือนต่ออนาคตของตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่เมื่อสถานการณ์ดูเหมือนจะสิ้นหวัง การฟื้นตัวก็เริ่มเกิดขึ้น และในขณะนี้ ทั้งดัชนีของสหรัฐฯ ทั้งสองตัวก็กลับมาใกล้แตะจุดสูงสุดตลอดกาลอีกครั้ง หลังจากฟื้นคืนมาจากการปรับตัวลงก่อนหน้านี้

แต่อะไรคือปัจจัยผลักดันการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ และการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะยืนระยะได้นานเพียงใด? ผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ออกมาในทางบวก ประกอบกับข้อมูลเงินเฟ้อที่ดูดีมากขึ้นได้มีบทบาทในครั้งนี้ ส่วนปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคและปัจจัยพื้นฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกันก็ยังคงมีบทบาทเหมือนเช่นเคย

การพักสงครามทางเศรษฐกิจ

เป็นที่เข้าใจกันว่าอัตราภาษีตอบโต้ที่เป็นเลขสามหลักที่ประเทศยักษ์ใหญ่ระดับโลกทั้งสองได้กำหนดต่อกันทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกตึงเครียด โดยเฉพาะตลาดหุ้นซึ่งมีความผันผวนชัดเจนที่สุด หลังจากการประชุมครั้งล่าสุดระหว่างสองมหาอำนาจในกรุงลอนดอน ทั้งสองฝ่ายก็ได้ตกลงหยุดการตั้งกำแพงภาษี โดยที่ทรัมป์ถึงขั้นประกาศว่าข้อตกลงการค้ากับจีน "เสร็จสิ้นแล้ว" แม้ในความเป็นจริง สหรัฐฯ ยังคงตั้งใจที่จะเก็บภาษีจากจีนในระดับ 55% อยู่ดี อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญคือ ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงในหลักการว่า บริษัทสหรัฐจะสามารถเข้าถึงทรัพยากรแร่หายากจากจีนได้ ซึ่งประเด็นนี้เคยเป็นอุปสรรคสำคัญในการเจรจาครั้งก่อนที่เจนีวา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ของจีน หลี่ เฉิงกัง ได้ยืนยันว่า "ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุกรอบข้อตกลงในหลักการ สำหรับการดำเนินการตามฉันทามติที่ประธานาธิบดีของทั้งสองประเทศตกลงกันไว้ในการพูดคุยทางโทรศัพท์เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน และการเห็นพ้องกันที่การประชุมที่เจนีวา"

นี่ถือเป็นพัฒนาการที่เป็นข่าวดีอย่างยิ่งสำหรับบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐ โดยเฉพาะกลุ่ม 7 หุ้นนางฟ้า การเข้าถึงแร่หายาก รวมถึงการหลีกเลี่ยงภาษีในระดับสูงต่อสินค้าที่ผลิตในจีนถือเป็นประเด็นปัญหาสำคัญสำหรับ Apple, Microsoft, NVIDIA และแม้แต่ Tesla การคลายความกังวลในสองสิ่งนี้จะเปิดทางให้การเติบโตแบบต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม การค้ายังไม่ได้เป็นเสรีอย่างแท้จริงเนื่องจากศาลอุทธรณ์กลางของสหรัฐฯ ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี พึ่งตัดสินว่า ทรัมป์สามารถบังคับใช้ "ภาษีวันปลดแอก" ต่อสินค้านำเข้าจากพันธมิตรทางการค้าของสหรัฐฯ เกือบทั้งหมดได้ รวมไปถึงภาษีที่แยกเรียกเก็บจากแคนาดา จีน และเม็กซิโก เมื่อพิจารณาควบคู่กับความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังดำเนินอยู่ในตะวันออกกลางและยุโรป ความเสี่ยงต่อหุ้นทั่วโลกจึงยังคงมีอยู่

ที่หน้าบ้าน

แม้ภาพระหว่างประเทศจะสำคัญ แต่สิ่งที่มีอิทธิพลต่อดัชนีหุ้นสหรัฐมากที่สุดเสมอมาคือ สถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ หลังจากช่วงที่เกือบจะเกิดเงินเฟ้อรุนแรงในปี 2022 แรงกดดันด้านราคายังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐไม่สามารถผ่อนคลายนโยบายการเงินได้แบบมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ตัวเลข CPI ล่าสุดในเดือนพฤษภาคมได้ทำให้เกิดความหวังใหม่สำหรับนักลงทุน สำนักงานสถิติแรงงานได้รายงานเมื่อวันพุธ (11 มิถุนายน) ว่า อัตราเงินเฟ้อในเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาด 0.1% โดยส่วนใหญ่เกิดจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย ตัวเลขนี้ส่งผลให้อัตรา CPI รายปีอยู่ที่ 2.4% ใกล้เคียงกับเป้าหมาย 2% ของเฟด Rick Rieder ซึ่งเป็น BlackRock CIO ของ Global Fixed Income เชื่อว่า ตัวเลข CPI ที่ต่ำกว่าคาด "เพิ่มโอกาสที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในปีนี้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะหากการจ้างงานชะลอตัวลงอย่างชัดเจน" และคาดว่าตลาดจะเริ่มเดิมพันในทิศทางดังกล่าวหลังการประกาศข้อมูลนี้

เครื่องมือ CME FedWatch ได้คาดการณ์ความเป็นไปได้ที่เฟดจะลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 25 bps ภายในเดือนกันยายนว่ามีมากกว่า 70% หลังจากที่มีการรายงาน CPI เดือนพฤษภาคม โดนัลด์ ทรัมป์ก็ได้โพสต์ใน Truth Social อีกครั้งเพื่อเรียกร้องให้เจอโรม พาวเวลล์ลดดอกเบี้ย โดยเขาได้เขียนว่า: "ตัวเลขยอดเยี่ยม! เฟดควรลดดอกเบี้ยลง 1 จุด...สำคัญมาก!!!" เมื่อมองกลับมาที่ตลาดแรงงาน เศรษฐกิจสหรัฐได้เพิ่มตำแหน่งงานใหม่ 139,000 ตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม ในขณะที่อัตราการว่างงานยังคงที่อยู่ที่ 4.2% แม้ว่าตัวเลขนี้จะค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา แต่ก็ถือว่าเป็นระดับสูงในปัจจุบัน หากตัวเลขนี้สูงขึ้นไปอีกในช่วงฤดูร้อน นี่อาจกลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผลักดันให้เฟดต้องลดดอกเบี้ย

เทรดหุ้นและ CFD ตัวอื่นๆ ด้วย Libertex

ที่ Libertex คุณสามารถเทรด CFD ของตราสารได้หลากหลาย รวมถึงหุ้น ดัชนี และ ETF ไปจนถึงโลหะ พลังงาน และแม้แต่คริปโต เลือกจากดัชนีตัวหลัก เช่น S&P 500, Nasdaq 100 or Dow Jones Industrial Average รวมถึงหุ้นรายตัวอีกมากมายเช่น Apple, Tesla และ Microsoft หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมหรือสร้างบัญชีเป็นของคุณเอง โปรดไปที่ www.libertex.org/signup วันนี้!

สัมผัสกับความน่าตื่นเต้นของการเทรด!

ลงทะเบียนเปิดบัญชีเดโมกับ Libertex และมาเรียนรู้วิธีการเทรด