Skip to main content
Gold Keeps Rising As Rates Fall and Stocks Stall

ราคาทองยังคงพุ่งอย่างต่อเนื่องในขณะที่อัตราดอกเบี้ยลดลงและหุ้นชะลอตัว

ศ., 10/17/2025 - 08:09

สำหรับสินทรัพย์ที่ใช้เป็นทุนสำรองอย่างทองคำ การปรับตัวขึ้นมักจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป การที่ราคาทองคำเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ตลาดประหลาดใจ ราคาทองคำขึ้นมาจากระดับ $1,821.38 ต่อทรอยออนซ์เมื่อสองปีก่อน (วันที่ 16 ตุลาคม 2023) จนทำจุดสูงสุดใหม่ที่ $4,241.48 และยังไม่มีสัญญาณว่าจะชะลอลงในเร็ว ๆ นี้ ความต้องการซื้อทองคำยังคงแข็งแกร่งทั้งจากธนาคารกลาง สถาบันการเงิน รวมถึงนักลงทุนรายย่อยที่หันมาให้ความสนใจ หรือขยายพอร์ตการลงทุนในทองคำ หลังจากที่ผลตอบแทนของทองคำได้แซงหน้าตลาดหุ้นไปแล้วในปีนี้

ทองคำเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความมั่นคง และยิ่งดูน่าสนใจมากขึ้นเมื่อไม่มีสินทรัพย์ทางเลือกใดที่เหมาะสม การที่เฟดปรับนโยบายการเงินเป็นเชิงผ่อนคลายมากขึ้นทำให้อุปสงค์ของทองคำเพิ่มขึ้นในขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลงทำให้เงินเฟียตที่ไม่เป็นที่นิยมอยู่แล้วยิ่งดูไม่น่าสนใจมากขึ้นไปอีก โดยปกติ เรามักเห็นเม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดหุ้น แต่ด้วยสงครามการค้าระหว่างสองเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลก รวมถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ในสหรัฐฯ และที่อื่น ๆ ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ในบทความนี้ เราจะพาไปดูว่าปัจจัยเหล่านี้กำลังส่งผลต่อราคาทองคำในปี 2025 อย่างไร และราคามีแนวโน้มไปในทิศทางใดต่อไปในปีถัดไป

ค่าเงินที่อ่อนลง

แม้การปรับตัวขึ้นของราคาทองคำจะโดดเด่น แต่ก็ไม่ได้เกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุผล ความต้องการซื้อทองเพิ่มขึ้นเนื่องจากความไม่มั่นคงทั่วโลกและเงินเฟ้อที่ยังคงสูง แต่การที่ราคาทองปรับตัวขึ้นในระดับเกือบตัวเลขสามหลักต่อปีเกิดจากการผสมผสานของปัจจัยเหล่านี้กับการเสื่อมค่าลงของสกุลเงินเฟียตในฐานะที่เป็นตัวรักษาความมั่งคั่ง แม้แต่สกุลเงินที่มักถูกมองว่าเป็นที่หลบภัยอย่างดอลลาร์สหรัฐ เยนญี่ปุ่น และฟรังก์สวิส ก็เริ่มดูน่าสนใจน้อยลงท่ามกลางอัตราส่วนหนี้ต่อ GDP ที่สูงเป็นประวัติการณ์และผลตอบแทนพันธบัตรที่ไม่น่าสนใจ แม้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10, 20 และ 30 ปีจะสูงกว่า 4% แต่เม็ดเงินก็ยังไม่พร้อมที่จะแลกทองคำกับความมั่นคงของเงินกระดาษ

ในปัจจุบัน ธนบัตรทุกสกุลเงินในกลุ่ม G10 กำลังถูกตั้งคำถาม และ "กระแส debasement trade" ไม่ใช่คำที่กล่าวเกินจริงอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งยืนยันถึงความตื่นตระหนกของเงินทุนทั่วโลกที่เริ่มตระหนักว่าตัวเลขทางการคลังไม่สมเหตุสมผลอีกต่อไป ธนาคารกลางทั่วโลกต่างสะสมทองคำมากขึ้นหลังจากได้เห็นตัวอย่างว่า “ระเบียบโลกที่อ้างอิงกฎเกณฑ์” สามารถจัดการกับเงินทุนสำรองของประเทศที่ถูกมองว่าเป็นปัญหาอย่างไรได้บ้าง แม้ว่าสิ่งนี้ได้มีส่วนช่วยหนุนราคาทองในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่การปรับขึ้นของตลาดในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมานี้แสดงถึงเม็ดเงินจริง ดังที่ Stephen Innes จาก SPI Asset Management เขียนไว้ว่า “[ตลาดเริ่มมองเห็นว่า] เงินเฟ้อไม่ใช่เหตุการณ์ชั่วคราว แต่คือกลยุทธ์ นักลงทุนเริ่มรับรู้ในสิ่งที่ผู้กำหนดนโยบายไม่กล้าพูดตรง ๆ: หนี้จะค่อย ๆ หายไปด้วยเงินเฟ้อ” ในบริบทนี้ มันจึงไม่น่าแปลกใจที่นักลงทุนเลือกสินทรัพย์จริงมากกว่าสกุลเงินที่สามารถพิมพ์ได้ไม่จำกัด และเมื่อหลายคนยังไม่พร้อมสำหรับคริปโต ทองคำจึงกลายเป็นตัวเลือกปกติที่จะยังคงมีอุปสงค์ต่อไป

ไม่มีทางเลือก

ทองคำถูกใช้มาอย่างยาวนานในฐานะเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อและความผันผวน และในรอบนี้ก็มีการซื้อทองคำเพื่อจุดประสงค์นี้เช่นกันในช่วงการปรับตัวขึ้นล่าสุด อย่างไรก็ตาม การที่ราคาทองคำพุ่งขึ้นรวดเร็วและสูงผิดปกติในปีนี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากแรงซื้อเชิงเก็งกำไรด้วยเช่นกัน การที่เฟดเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2024 จาก 5.5% เหลือ 4.25% ควรจะเป็นผลบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น แต่ S&P 500 และ Nasdaq 100 กลับปรับตัวขึ้นได้เพียง 14.7% และ 22.7% ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ในขณะที่ทองคำทำได้ถึง 57.5% ในช่วงเวลาเดียวกัน

มีหลายเหตุผลที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ แต่ปัจจัยสำคัญยังคงเป็นความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ยกระดับขึ้นอย่างเต็มรูปแบบในตอนนี้ จีนได้ประกาศขยายการควบคุมการส่งออกแร่หายากที่จำเป็นต่ออุตสาหกรรม ในขณะที่สหรัฐฯ ขู่จะเก็บภาษีศุลกากร 100% และจำกัดการเข้าถึง “ซอฟต์แวร์สำคัญ” เพิ่มเติมเป็นการโต้ตอบ นอกจากนี้ ยังมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมท่าเรือ $50 ต่อตัน ซึ่งเริ่มมีผลในกลางเดือนตุลาคม และสถานการณ์เหล่านี้กำลังแย่ลง หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐฯ จะได้รับผลกระทบหนักที่สุด และเนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐส่วนใหญ่ถูกขับเคลื่อนโดยหุ้นกลุ่ม Mag 7 เราจึงคาดว่าตลาดหุ้นโดยรวมจะยังคงถูกกดดัน แต่การที่หุ้นปรับตัวลงจะกลายเป็นผลประโยชน์ต่อทองคำค่อนข้างแน่นอน โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มตามที่มีการวางแผนไว้ภายในสิ้นปีนี้ หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อยอีกสองครั้งในปีนี้ ซึ่งจะทำให้ funds rate ลดลงต่ำกว่า 3.8% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ช่วงโควิด และเมื่อเงินทุนไม่มีทางเลือกอื่นที่น่าสนใจมากนัก ทองคำก็จะได้รับเม็ดเงินไหลเข้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองลดลงไปอีก

เทรดทองคำและ CFD ตัวอื่นๆ ด้วย Libertex

ที่ Libertex คุณสามารถเทรด CFD ของสินทรัพย์ได้หลากหลาย ตั้งแต่หุ้น ETFs และดัชนี ไปจนถึงคริปโต ออปชั่น และสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจาก CFD ของทองคำ (XAU/USD) และ เงิน (XAG/USD) แล้ว Libertex ยังมี CFD ของสินค้าโภคภัณฑ์ตัวอื่น ๆ อีกมากมาย หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติม หรือสร้างบัญชีเทรดจริงเป็นของคุณเอง ให้ไปที่ www.libertex.org/signup วันนี้!

สัมผัสกับความน่าตื่นเต้นของการเทรด!

ลงทะเบียนเปิดบัญชีเดโมกับ Libertex และมาเรียนรู้วิธีการเทรด