ทองคำได้รับการยกย่องมาอย่างยาวนานว่าเป็นสินทรัพย์ที่ไว้ใจได้ในการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ และเป็นที่พักเงินเมื่อตลาดผันผวน โดยปกติแล้วทองคำจะเคลื่อนไหวช้า ๆ วัดการเปลี่ยนแปลงเป็นรายปีมากกว่ารายเดือนหรือรายสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ปีนี้กลับเป็นปีที่ไม่ธรรมดาสำหรับทองคำ หลังจากที่ราคาพุ่งขึ้นมามากกว่า 30% ภายในเวลาเพียง 6 เดือน จากมาตรการภาษีใน “วันปลดแอก” ของทรัมป์ จนไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ $4,380 แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ราคาทองคำได้ดิ่งลงอย่างหนักในสัปดาห์ที่ปิดสัปดาห์ในวันที่ 26 ตุลาคม โดยได้ร่วงลงถึง 7% มูลค่าหายไปกว่า 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ ในวันที่ 21 ตุลาคมเพียงวันเดียว ซึ่งเท่ากับมูลค่าตามราคาตลาดของ Bitcoin ทั้งหมด ณ วันที่ 23 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันที่เขียนบทความนี้ ราคาทองคำได้อยู่ที่ $4,087.76 ซึ่งยังคงเพิ่มขึ้นถึง 48% นับตั้งแต่ต้นปี แต่หลังจากที่ดูเหมือนว่าจะหยุดไม่อยู่ ความเปราะบางของทองคำก็ได้ถูกเปิดเผย และอาจเสียพื้นที่ให้กับคู่แข่งอย่าง Bitcoin ที่เริ่มถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นกัน
การพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วของทองคำเกิดจากหลายปัจจัยที่สัมพันธ์กัน: ดอลลาร์ที่อ่อนค่า ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลก และการเปลี่ยนทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลาง อย่างไรก็ตาม การร่วงลงอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดจากปัจจัยระยะสั้นมากกว่า Bitcoin ถูกพูดถึงในฐานะผู้ที่จะเข้ามาแทนที่ทองคำ แต่ตามที่เราจะเห็นในบทความนี้ ทั้งทองคำและคริปโตกลับมีความเชื่อมโยงกันมากกว่าที่เคยเป็น
ค้นหาสาเหตุการร่วงลง
การร่วงลงของทองคำแทบจะเรียกได้ว่าเป็นปฏิพจน์ เพราะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่บ่อย ความจริงที่ว่า การที่ราคาลดลงเพียง 7% และกลายเป็นข่าวพาดหัวไปทั่วโลกก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ยืนยันได้แล้ว นักลงทุนชาวสวิส Alexander Stahel ได้คำนวณว่าความถี่ของการเทขายลักษณะนี้คือหนึ่งครั้งในทุก ๆ 240,000 วันเทรด แต่เหมือนกับการสืบหาสาเหตุของการร่วงลงครั้งใดก็ตาม สิ่งสำคัญคือ เราต้องมองย้อนไปที่การทะยานขึ้นก่อน ราคาทองคำในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้พุ่งขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยราคาได้เพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าระหว่างมกราคม 2023 ถึงตุลาคม 2025 ในการปรับตัวขึ้นแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยเฉพาะช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ที่มีลักษณะคล้ายฟองสบู่เก็งกำไรที่เกิดจากการ FOMO ของนักลงทุนรายย่อย และเมื่อราคมเริ่มชะลอตัว ทุกคนต่างเร่งเทขายเพื่อล็อกกำไร นักลงทุนระยะสั้นที่กังวลก็รีบขายตาม ทำให้การร่วงลงหนักยิ่งขึ้น แม้ว่านี่อาจไม่ใช่ปัจจัยหลัก แต่การสิ้นสุดเทศกาลดิวาลีในอินเดีย ซึ่งโดยปกติมักมีผลกดดันตลาดทองคำก็มีส่วนเสริมบรรยากาศด้านลบเช่นกัน สิ่งสำคัญที่เราต้องพึงระลึกไว้คือ ตลาดใดก็ตามที่ราคาพุ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยรายปีมาก ๆ ย่อมเสี่ยงต่อการเกิดการปรับฐาน ดังนั้นจากการที่เราได้เห็นราคาทองคำเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมา การร่วงลง 7% ในครั้งนี้ถือว่าสมเหตุสมผล และยังเกิดขึ้นคล้ายกับสินทรัพย์ตัวหลักอื่น ๆ โดยเฉพาะคริปโต
การเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น
ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ตลาดทองคำในปัจจุบันไม่เหมือนกับเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะนำมาใช้เป็นเกราะป้องกันเงินเฟ้อมาตลอด แต่ความสนใจของนักลงทุนรายย่อยในทองคำได้พุ่งสูงขึ้นมากเมื่ออัตราดอกเบี้ยเข้าใกล้ศูนย์หลังวิกฤตการเงินโลกที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อ Bitcoin ได้เป็นที่สนใจมากขึ้น โปรไฟล์ของทองคำก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ศักยภาพของ Bitcoin ในฐานะทองคำดิจิทัลถูกพูดถึงมาหลายปี แต่เราเพิ่งเริ่มเห็นเสถียรภาพของ BTC ที่จะท้าทายทองคำในฐานะแหล่งสะสมความมั่งคั่งเมื่อมีการเปิดตัวสปอต ETF ในปีนี้ แต่ดูเหมือนว่าจากที่จะเข้ามาแทนที่ทั้งหมด กลับกลายเป็นว่า Bitcoin ได้แบ่งความผันผวนบางส่วนให้กับทองคำ ที่น่าสนใจก็คือ BTC ก็สูญเสียมูลค่าไปประมาณ 10% ในเดือนตุลาคมเช่นกัน และปัจจุบันอยู่ที่ $109,994.10
ในขณะเดียวกัน ดัชนี Crypto Fear & Greed ก็ร่วงลงสู่ระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปลายปี 2022 สะท้อนถึงความกังวลในสินทรัพย์เสี่ยง แม้ว่าจะยังมีเม็ดเงินไหลเข้าสปอต ETF ของ Bitcoin ก็ตาม สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าทองคำและคริปโตเคลื่อนไหวสอดคล้องกันมากขึ้นแม้ว่าอาจไม่เหมือนกันทุกจังหวะ สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ การเปลี่ยนนโยบายการเงินของเฟดไปในทิศทางผ่อนคลาย ซึ่งส่งสัญญาณว่าจะลดดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 2 ครั้งในปีนี้ ยิ่งจะทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าและเพิ่มความต้องการทั้งทองคำและคริปโต ในขณะเดียวกัน ธนาคารกลางอื่น ๆ โดยเฉพาะธนาคารกลางจีน ก็กำลังลดการถือครองดอลลาร์และหันมาซื้อทองคำในทุนสำรอง ราคาที่ลดลงจากการปรับฐานรอบนี้มีแนวโน้มสูงที่จะกระตุ้นการซื้อใหม่ จีนเองได้ซื้อทองคำมาแล้วต่อเนื่อง 11 เดือน และได้ถือครองทองคำไปแล้วอย่างน้อย 2,264 ตัน จากแนวโน้มนี้และอุปสงค์ของนักลงทุนรายย่อยที่ยังแข็งแกร่ง นักวิเคราะห์อาวุโส Ed Yardeni ได้คาดการณ์ว่าราคาทองคำอาจแตะ $5,000 ภายในปี 2026 และอาจไปสูงถึง $10,000 ภายในปี 2028 หาก “กระแสการเทขายสกุลเงินหลัก” ที่หนุนทั้งทองคำและ Bitcoin ท่ามกลางเงินเฟ้อและความเปราะบางของระบบยังคงได้รับความนิยมเช่นในปัจจุบัน
เทรดทองคำและ CFD ตัวอื่น ๆ ที่ Libertex
ที่ Libertex คุณสามารถเทรด CFD ของสินทรัพย์ได้หลากหลาย ตั้งแต่หุ้น ETFs และดัชนี ไปจนถึงคริปโต ออปชั่น และสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจาก CFD ของทองคำ (XAU/USD) และ เงิน (XAG/USD) แล้ว Libertex ยังมี CFD ของสินค้าโภคภัณฑ์ตัวอื่น ๆ อีกมากมาย หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติม หรือสร้างบัญชีเทรดจริงเป็นของคุณเอง ให้ไปที่ www.libertex.org/signup วันนี้!



