Skip to main content
Oil Prices Shift Amid Geopolitical Tensions

ราคาน้ำมันผันผวนท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์

พฤ., 07/03/2025 - 12:07

น้ำมันถือเป็นเส้นเลือดหลักของการค้าและอุตสาหกรรมระหว่างประเทศ และการหยุดชะยักใด ๆ เกี่ยวกับอุปทานย่อมส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจในวงกว้าง หลังจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในยุโรปเพิ่มสูงขึ้นและการคว่ำบาตรรัสเซียในปี 2022 สหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรประสบปัญหาการขาดแคลนอุปทานซึ่งส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งทะลุ $100 ต่อบาร์เรลติดต่อกันเกือบสี่เดือน ในปัจจุบัน นับตั้งแต่เหตุการณ์ความรุนแรงที่ปะทุขึ้นในตะวันออกกลางเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ความมั่นคงของอุปทานน้ำมันตกอยู่ภายใต้การคุกคามอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากโรงงานผลิตและเส้นทางการค้าสำคัญตกเป็นเป้าหมายของคู่ขัดแย้งทุกฝ่าย เบรนท์มีการซื้อขายในกรอบกว้าง ตั้งแต่จุดต่ำสุดที่ $61.41 ไปจนถึงสูงสุดที่ $93.04 ต่อบาร์เรล ในเดือนที่ผ่านมา ความขัดแย้งระหว่างสองมหาอำนาจของภูมิภาคอย่างอิหร่านและอิสราเอลมีระดับรุนแรงขึ้นเมื่อการเจรจาหยุดชะงักและเกิดสงครามระหว่างทั้งสองประเทศ เหตุการณ์นี้ทำให้ราคาน้ำมันดิบหลักพุ่งขึ้นเกือบ 25% ภายในเวลาเพียงสามสัปดาห์

นับตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน เบรนท์ได้เคลื่อนไหวในกรอบ $69.05 ถึง $66.34 ต่อบาร์เรล หลังความกังวลเรื่องอุปทานจากตะวันออกกลางได้คลี่คลายลงเมื่อมีการหยุดยิงระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล แต่การสะสมคลังสำรองน้ำมันเชิงรุกของมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ จีน และสหภาพยุโรป อาจกดดันให้ราคาหลุดลงต่ำกว่าแนวรับสำคัญที่ $60.00 ได้ ยิ่งไปกว่านั้น การผลิตน้ำมันเกินโควต้าของประเทศอย่างคาซัคสถานและซาอุดีอาระเบีย รวมถึงการปรับเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ ที่คาดว่าจะตามมา ล้วนเป็นสัญญาณเชิงลบต่อราคาน้ำมัน

การชดเชยที่มากเกินไป

หลังสงครามเต็มรูปแบบระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านได้เริ่มต้นเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน เตหะรานได้แถลงว่าจะปิดช่องทางส่งน้ำมันที่สำคัญของโลกซึ่งก็คือช่องแคบฮอร์มุซ ในขณะเดียวกัน โรงงานขุดและกลั่นน้ำมันทั้งในอิหร่าน อิสราเอล และประเทศรอบข้างต่างตกเป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการทางทหารของทั้งสองฝ่าย หลังเคยพลาดท่าให้กับการพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วของราคาน้ำมันในช่วงฤดูร้อนปี 2022 และฤดูใบไม้ผลิปีที่แล้ว ประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลกเริ่มสะสมคลังน้ำมันสำรองอย่างจริงจังเพื่อหลีกเลี่ยงการขาดแคลนและลดผลกระทบจากราคาที่สูงชั่วคราวท่ามกลางความตึงเครียดในภูมิภาคที่มีการผลิตที่สำคัญอย่างตะวันออกกลาง ตัวอย่างเช่น จีนได้เพิ่มการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านอย่างมากในเดือนมิถุนายน เนื่องจากการเร่งจัดส่งก่อนความขัดแย้งจะรุนแรงขึ้น และตอบสนองต่อความต้องการจากโรงกลั่นอิสระ ตามข้อมูลของบริษัทติดตามเรือ Vortexa จีนได้ซื้อน้ำมันกว่า 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วง 1–20 มิถุนายน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดตามฐานข้อมูลของบริษัท

ในขณะเดียวกัน ข้อมูลจากสถาบันปิโตรเลียมอเมริกันของวันที่ 1 กรกฎาคม ระบุว่า คลังสำรองน้ำมันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 680,000 บาร์เรลในสัปดาห์ก่อนหน้า ทั้งที่ตามฤดูกาลแล้วสต็อกน้ำมันมักจะลดลงเพราะเป็นฤดูท่องเที่ยวขับรถ หลังจากที่สงคราม 12 วันยุติลงด้วยการหยุดยิงที่มีทรัมป์เป็นคนกลางในการเจรจา เราเริ่มเห็นแนวโน้มนี้กลับตัว ข้อมูลจาก EIA ของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 25 มิถุนายนระบุว่า ปริมาณน้ำมันและเชื้อเพลิงในคลังสำรองลดลง ในขณะที่อัตราการกลั่นและอุปสงค์ได้เพิ่มขึ้น สิ่งนี้บ่งชี้ว่าราคาน้ำมันน่าจะทรงตัวได้ตราบใดที่อุปสงค์และอุปทานที่เพิ่มขึ้นยังคงมีความสมดุล อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน OPEC+ และสุขภาพเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลก

เปิดก๊อกเพิ่ม

ในขณะที่กำลังเข้าใกล้วันประชุม OPEC+ รอบถัดไปในวันที่ 6 กรกฎาคม นักลงทุนต่างจับตามองว่าจะมีการกำหนดระดับการผลิตของเดือนสิงหาคมอย่างไร จากการวิเคราะห์ของ ING มันมีความเป็นไปได้สูงที่กลุ่มผู้ผลิตจะเดินหน้าปรับเพิ่มกำลังการผลิตต่อไป เพื่อยกเลิกการลดกำลังการผลิต 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันที่ประกาศไว้ตั้งแต่ปี 2022 ในรายงานระบุว่า "การเพิ่มกำลังการผลิตในระดับนี้จะทำให้ตลาดน้ำมันโลกมีอุปทานเพียงพอไปตลอดทั้งปี และกลับสู่ภาวะที่มีน้ำมันส่วนเกินในไตรมาสสุดท้ายของปี" ตลาดต่างคาดว่าการเพิ่มกำลังการผลิตครั้งสุดท้ายจะอยู่ที่ราว 411,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งถือว่าไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อยังมีความเสี่ยงที่ทรัมป์จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่ม หากไม่มีข้อตกลงทางการค้าชัดเจนภายในสิ้นเดือนนี้

ยิ่งไปกว่านั้น สมาชิก OPEC+ ที่ฝ่าฝืนโควต้าอย่างคาซัคสถานก็ผลักดันกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นไปอีกแบบไม่เป็นทางการ ตัวเลขจาก Reuters ระบุว่า คาซัคสถานได้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบขึ้น 7.5% ในเดือนมิถุนายนไปแตะ 1.88 ล้านบาร์เรลต่อวัน เท่ากับกำลังการผลิตสูงสุดตลอดกาลของประเทศเมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งหมายความว่าคาซัคสถานได้ผลิตเกินโควต้า OPEC+ ที่ 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน มาหลายเดือนแล้ว Priyanka Sachdeva นักวิเคราะห์อาวุโสจาก Phillip Nova ได้ให้มุมมองในภาพรวมว่า "การเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันในวันนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยผสมระหว่างการเพิ่มกำลังการผลิตของ OPEC+ สัญญาณปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐที่สับสน ความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ และความกำกวมของนโยบายในระดับมหภาค" และเมื่อราคาพรีเมียมจากสงครามหมดไปหลังมีการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน ปัจจัยเดียวที่ยังหนุนราคาน้ำมันคือค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนลง การเห็นราคาน้ำมันดิบกลับขึ้นไปสู่ระดับ $70 อีกครั้งอาจเป็นไปได้ยาก เว้นแต่ว่าอุปสงค์ของน้ำมันจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

เทรดน้ำมัน และ CFD ตัวอื่น ๆ ที่ Libertex

Libertex เป็นโบรกเกอร์ CFD ที่ให้บริการสินทรัพย์ เช่น หุ้น, ETFs, และสกุลเงิน Libertex ยังให้บริการ CFD ของพลังงานมากมาย เช่น อนุพันธ์ของน้ำมันอย่าง WTI Crude, Light Sweet และ Brent หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติม หรือสร้างบัญชีวันนี้ ให้ไปที่ www.libertex.org/signup

สัมผัสกับความน่าตื่นเต้นของการเทรด!

ลงทะเบียนเปิดบัญชีเดโมกับ Libertex และมาเรียนรู้วิธีการเทรด