ทองคำยังคงเปล่งประกายในขณะที่การปรับลดดอกเบี้ยเฟดใกล้เข้ามา

ท่ามกลางโลกของคริปโต ETF และหุ้นเทคโนโลยีที่เติบโต 10 เท่า นักลงทุนจำนวนไม่น้อยเคยมองข้ามทองคำว่าเป็นสินทรัพย์ที่ล้าสมัย แต่แรงกดดันจากเงินเฟ้อที่ร้อนแรงและนโยบายการเงินที่ตึงตัวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้ทำให้ทองคำที่ถูกละเลยนี้กลับมามีผลงานเหนือกว่าสินทรัพย์รุ่นใหม่ที่น่าตื่นเต้นหลายตัว ปัจจุบันราคาทองคำอยู่ที่ $3,368.30 ต่อทรอยออนซ์ ณ วันที่ 11 กันยายน หลังจากปรับฐานเล็กน้อยจากจุดสูงสุดตลอดกาลล่าสุดที่ $3,683.18 เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนการปรับขึ้นเกือบ 100% ในเวลาไม่ถึงสามปี ในขณะที่ผลตอบแทน YTD อยู่ที่ 40% ซึ่งมากกว่าที่ดัชนี S&P 500 ทำได้ตั้งแต่เดือนมกราคมราว 4 เท่า

มีหลายเหตุผลที่หนุนให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างไม่มีหยุด เริ่มตั้งแต่เงินเฟ้อที่ยังคงสูง ตลาดแรงงานที่อ่อนแอ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนลงและไม่น่าสนใจ ไปจนถึงการสะสมเพิ่มทั้งจากรัฐบาลและนักลงทุนเอกชน ในบทความนี้ เราจะมาประเมินปัจจัยเหล่านี้และพิจารณาว่าราคาทองคำอาจเคลื่อนไหวไปในทิศทางใดในช่วงที่เหลือของปีและหลังจากนั้น

ติดตามตัวเลขสำคัญ

เงินเฟ้อของสหรัฐที่ยืดเยื้อมาหลายปีถือเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนราคาทองคำ โดยแรงกดดันด้านราคายังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟดอย่างมีนัยสำคัญ แม้จนถึงปัจจุบัน ข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภคที่จะมีการประกาศในวันที่ 11 กันยายนจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างแน่นอน โดยตลาดมองในเชิงบวกหลังจากดัชนีราคาผู้ผลิตเมื่อวันที่ 10 กันยายน ลดลง 0.1% ในเดือนสิงหาคม ทรัมป์ได้ใช้โอกาสนี้เรียกร้องให้ประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ลดดอกเบี้ย “ครั้งใหญ่” พร้อมกับบอกว่า “ช้าเกินไป” แม้พาวเวลล์ยืนยันว่าจะไม่ยอมทำตามแรงกดดันของทรัมป์ แต่ก็ดูเหมือนว่าเฟดพร้อมที่จะเริ่มลดดอกเบี้ยจริง ๆ แล้ว

จากเครื่องมือ FedWatch ของ CME Group เทรดเดอร์ประเมินว่า มีโอกาส 89.4% ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลง 25 basis-point ในการประชุมที่จะถึงนี้ และมีโอกาส 10.6% ที่จะลดมากถึง 50 basis-point อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าอย่าประมาท เพราะอัตราเงินเฟ้อที่สูงอาจกลับมาได้อีก โดยคาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนสิงหาคมจะเพิ่มขึ้น 2.9% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 2.7% ในเดือนกรกฎาคม ในขณะเดียวกัน เงินเฟ้อ core CPI คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% ติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง แคมเปญการลดดอกเบี้ยในไตรมาสสุดท้ายของปีมีโอกาสเร่งแรงกดดันด้านราคา ซึ่งจะเป็นผลดีต่อทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ และเมื่อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและเงินฝากดอลลาร์ให้ผลตอบแทนลดลง สิ่งนี้ยิ่งจะอุปสงค์ของทองคำมากขึ้น

ระเบียบโลกใหม่

เป็นที่สังเกตได้ชัดว่าสหรัฐกำลังสูญเสียอิทธิพลและ soft power มาระยะหนึ่งแล้ว และกระบวนการนี้ได้เร่งตัวขึ้นนับตั้งแต่ที่ทรัมป์ขึ้นสู่ตำแหน่ง ประเด็นวาทกรรมทางภูมิรัฐศาสตร์และมาตรการภาษีที่เข้มงวดของเขา ไม่เพียงบั่นทอนความเชื่อมั่นต่อการค้าและเศรษฐกิจโลก — ซึ่งสิ่งนี้เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้นักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ — แต่ยังบั่นทอนเสถียรภาพของสหรัฐและค่าเงินดอลลาร์ในฐานะที่เคยเป็นที่พักพิงหลักของสภาพคล่องโลก นับตั้งแต่ที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงกว่า 10% เมื่อเทียบกับคู่แข่งสำคัญอย่างยูโรและปอนด์ เนื่องจากการเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่มีสภาพคล่องของเงินดอลลาร์ได้ถูกตั้งคำถามจากความไม่แน่นอนของรัฐบาลชุดปัจจุบัน

นั่นทำให้นักลงทุนจำนวนมากเหลือเพียงทางเลือกเดียวคือทองคำ รัฐบาลต่างชาติและสถาบันการเงินระหว่างประเทศต่างหลีกเลี่ยงดอลลาร์ และหันไปสะสมทองคำและคริปโตแทน จีนซึ่งเคยเป็นผู้ซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐรายใหญ่ได้เพิ่มปริมาณทองคำสำรองต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 แล้ว จากการสำรวจธนาคารกลาง 75 แห่งของ OMFIF เมื่อเดือนก่อนพบว่า นอกจากการเข้าซื้อทองคำมหาศาลแล้ว ค่าเงินดอลลาร์ซึ่งเมื่อปีก่อนยังได้รับความนิยมสูงสุด กลับร่วงไปอยู่อันดับ 7 ในปีนี้ โดยหยวนและยูโรขึ้นแท่นเป็นสกุลเงินเฟียตที่ได้รับความนิยมที่สุด เมื่อเฟดเริ่มวงจรผ่อนคลายนโยบายการเงินในเดือนนี้ เป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นว่าดอลลาร์จะกลับมาน่าสนใจอีก ซึ่งเราคาดว่าความต้องการทองคำจะมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อไป

เทรดทองคำและ CFD ตัวอื่นๆ ด้วย Libertex

ที่ Libertex คุณสามารถเทรด CFD ของสินทรัพย์ได้หลากหลาย ตั้งแต่หุ้น ดัชนี และ ETF ไปจนถึงสกุลเงิน คริปโต และสินค้าโภคภัณฑ์ นอกจากทองคำ (XAUUSD) และ เงิน (XAGUSD) แล้ว Libertex ยังมี CFD ของสินค้าโภคภัณฑ์ตัวอื่น ๆ อีกมากมาย หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติม หรือสร้างบัญชีเทรดจริงเป็นของคุณเอง ให้ไปที่ www.libertex.org/signup วันนี้!