Skip to main content
Stocks in Spotlight as Fed Delivers First Rate Cut of 2025

หุ้นที่น่าจับตามองหลังเฟดประกาศลดดอกเบี้ยครั้งแรกของปี 2025

ศ., 09/19/2025 - 08:11

ปีนี้ถือเป็นปีที่ผันผวนอย่างมากสำหรับตลาดหุ้น โดยกำไรช่วงต้นปีถูกลบหายไปอย่างรวดเร็วเพราะมาตรการภาษีจาก “วันปลดแอก” ของทรัมป์ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่เมื่อความไม่แน่นอนเริ่มคลี่คลายและมีการทำข้อตกลงทางการค้าเข้ามา ตลาดหุ้นสหรัฐก็กลับมาเติบโตอย่างร้อนแรงอีกครั้ง โดยจากจุดต่ำสุดช่วงต้นเดือนเมษายน ดัชนีตัวสำคัญอย่าง S&P 500 และ Nasdaq 100 ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 30% และ 40% ตามลำดับ จนทำจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลเมื่อวันที่ 16 กันยายน ที่ระดับ 6,614 และ 24,342 จุด หลังจากนั้นตลาดก็ได้รับข่าวดีที่ทุกคนรอคอย เมื่อเฟดได้ประกาศลดดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีการลดเพิ่มเติมตามมาอีกในอนาคต โดย FOMC เลือกลดเพียง 0.25% ในครั้งนี้ ตรงตามที่วอลล์สตรีทคาดการณ์ หุ้นตอบรับเชิงบวกในตอนแรก ก่อนที่จะอ่อนตัวลงเล็กน้อยก่อนปิดตลาดในวันเดียวกัน

แม้จะมีแรงขายระยะสั้น แต่ตลาดส่วนใหญ่ยังเชื่อว่าหุ้นสหรัฐจะได้ประโยชน์อย่างมากจากท่าทีผ่อนคลายทางการเงินของเฟด และหลายฝ่ายคาดหวังว่าจะมีการลดดอกเบี้ยเพิ่มอีกก่อนสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ตาม ตลาดแรงงานและภาวะเงินเฟ้อยังคงเป็นความเสี่ยงหลักต่อเศรษฐกิจสหรัฐ เช่นเดียวกับความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงขึ้นจากการที่เราไม่สามารถคาดเดาประธานาธิบดีสหรัฐได้ ในบทความนี้ เราจะมาวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อราคาหุ้นและประเมินทิศทางของตลาดหุ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2025

วันแรงงาน

หนึ่งในอุปสรรคสำคัญที่สุดที่ทำให้เฟดลังเลในการเริ่มวงจรผ่อนคลายนโยบายการเงินคือการต้องควบคุมเงินเฟ้อ ในขณะเดียวกันก็ต้องรักษาสมดุลต่อความกังวลในตลาดแรงงาน การจ้างงานและการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างส่วนใหญ่อยู่ในระดับซบเซาจนเป็นลบเกือบตลอดปี ในขณะที่เงินเฟ้อยังคงไม่หายไปแม้ว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน นักลงทุนจึงคาดหวังว่านโยบายการเงินเชิงผ่อนคลายล่าสุดของเฟดจะช่วยประคับประคองตลาดแรงงานไม่ให้อ่อนแอลงไปอีกและสร้างสภาวะ “Goldilocks” ที่ดอกเบี้ยลดลงแต่เศรษฐกิจยังคงเสถียร ข้อมูลล่าสุดจาก Bureau of Labor Statistics ชี้ว่าธุรกิจสหรัฐสร้างงานเพิ่มเพียง 22,000 ตำแหน่งในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม ในขณะที่การปรับข้อมูลการจ้างงานภาครัฐแสดงให้เห็นว่าการจ้างงานในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมาต่ำกว่าปกติอย่างมาก

นอกจากนี้ อัตราการว่างงานของแรงงานชาวแอฟริกัน-อเมริกันแตะ 7.5% ในเดือนสิงหาคม ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2021 สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่ากลุ่มชายขอบได้รับผลกระทบหนักกว่า อย่างไรก็ตาม ยังมีสัญญาณบวกเนื่องจากการจับจ่ายใช้สอยยังคงเร่งตัว แม้ว่าจะยังไม่ได้รับผลกระทบเต็มที่จากการลดดอกเบี้ยของเฟด ยอดค้าปลีกเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 0.6% ในขณะที่ยอดค้าปลีกพื้นฐานเพิ่มขึ้น 0.7% ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ และชี้ถึงแนวโน้มเชิงบวกที่จะชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อดอกเบี้ยลดต่ำลง ในทุก ๆ วงจรการลดอัตราดอกเบี้ย 10 ครั้งนับตั้งแต่ปี 1982 ดัชนี S&P 500 ปรับขึ้นเฉลี่ย 11% ภายใน 12 เดือนหลังจากที่เฟดเริ่มหรือกลับมาลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง และในปีนี้มีการคาดว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 3 ครั้ง ทำให้แนวโน้มสำหรับหุ้นยังดูสดใส อย่างไรก็ตาม หากเศรษฐกิจทรุดตัว หุ้นที่ราคาสูงเกินจริงก็มีโอกาสถูกเทขายมากขึ้นเช่นกัน

โลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง

สิ่งที่เราเรียนรู้จากการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์จนถึงตอนนี้ก็คือ สหรัฐไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยอย่างที่เคยเป็นอีกต่อไป มาตรการภาษีสุดโต่งที่ถูกประกาศเมื่อเดือนเมษายนส่งผลกระทบในหลายด้าน แม้ว่าข้อตกลงทางการค้ากับสหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น อาจช่วยสร้างคุณค่าในระยะยาวให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ แต่การคงอัตราภาษีจะส่งผลเสียต่อสินค้าจากประเทศผู้ผลิตสำคัญในเอเชียและอเมริกาใต้ ซึ่งจะเริ่มสร้างผลกระทบต่อกำไรของบริษัทและผู้บริโภคทั่วไปที่ต้องแบกรับต้นทุนภาษีเหล่านี้

นอกเหนือจากราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องจักรจากจีนที่แพงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคเทคโนโลยีและการผลิตสหรัฐแล้ว สินค้าจำเป็นขั้นพื้นฐานอย่างเชื้อเพลิง อาหาร และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ก็มีราคาแพงขึ้นมากเกินไปสำหรับกลุ่มเปราะบาง รายงานจาก Yale Budget Lab ที่เผยแพร่เมื่อต้นเดือนนี้พบว่า ในเดือนมิถุนายน ราคาสินค้าหลักสูงกว่าก่อนปี 2025 ถึง 1.9% อย่างไรก็ตาม หลังจากเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนกรกฎาคมแล้ว ดัชนีราคาผู้ผลิตจาก Bureau of Labor Statistics ลดลงเล็กน้อย 0.1% ในเดือนสิงหาคม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

นอกจากนี้ ประเด็นใหญ่ที่สุดยังคงเป็นค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนลง ดอลลาร์สหรัฐสูญเสียมูลค่ามากกว่า 10% เมื่อเทียบกับยูโรและปอนด์สเตอร์ลิงในปีนี้ และเริ่มไม่เป็นที่ต้องการของรัฐบาลต่างชาติและนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ จริง ๆ แล้ว เราอาจกล่าวได้ว่าความแข็งแกร่งของตลาดหุ้นและราคาทองคำอาจเป็นผลลัพธ์ส่วนหนึ่งจากการอ่อนค่าของสกุลเงินที่สินทรัพย์เหล่านี้อ้างอิงอยู่ เรายังคงต้องรอดูผลกระทบจากการลดดอกเบี้ยที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 3 ครั้ง แต่มีความเป็นไปได้ว่าการลดดอกเบี้ยนี้จะเร่งให้เกิดการถอยห่างจาก USD ซึ่งหุ้นก็อาจได้รับประโยชน์ในระยะสั้น

เทรดหุ้นและ CFD ตัวอื่นๆ ด้วย Libertex

ที่ Libertex คุณสามารถเทรด CFD ของสินทรัพย์หลากหลายประเภท เริ่มตั้งแต่ฟอเร็กซ์ คริปโต โลหะ ดัชนี ETF และหุ้น นอกจากนี้ยังมีดัชนีตัวสำคัญของสหรัฐ เช่น Nasdaq 100, S&P 500 และ Dow Jones Industrial Average หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่ www.libertex.org/signup วันนี้ และสร้างบัญชีเป็นของคุณเอง หากคุณยังไม่มีบัญชี

สัมผัสกับความน่าตื่นเต้นของการเทรด!

ลงทะเบียนเปิดบัญชีเดโมกับ Libertex และมาเรียนรู้วิธีการเทรด