ปกติแล้ว Bitcoin มักตกอยู่ในพาดหัวข่าวเกี่ยวกับคริปโตมากกว่าคริปโตตัวอื่น ๆ ซึ่งอาจทำให้เรามองข้ามสินทรัพย์ดิจิทัลตัวอื่น ๆ ที่สร้างผลตอบแทนเหนือกว่าตลาดได้เช่นกัน แม้ว่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา BTC ได้ปรับตัวขึ้นเกือบ 100% ซึ่งถือว่าน่าประทับใจไม่น้อย แต่เหรียญ XRP ของ Ripple กลับทำผลงานได้เหนือกว่า ด้วยการพุ่งขึ้นเกือบ 600% ในช่วงเวลาเดียวกัน โดย XRP ได้เพิ่มขึ้นจากจุดต่ำสุดที่ $0.50 ในเดือนพฤศจิกายน 2024 เป็น $3.25 ในวันที่ 14 สิงหาคม 2025 ซึ่งจริง ๆ แล้วมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากกว่าที่เราเห็น เรื่องทั้งหมดเริ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2020 เมื่อ SEC ยื่นฟ้องบริษัทแม่ของ Ripple ที่ชื่อว่า Ripple Labs โดยกล่าวหาว่าโทเค็น XRP เป็นหลักทรัพย์ที่ไม่ได้มีการจดทะเบียน ต่อมาในกรกฎาคม 2023 ผู้พิพากษา Analisa Torres ได้ตัดสิน โดยระบุว่าบางโทเค็นที่ขายให้กับสถาบันอาจเข้าข่ายเป็นหลักทรัพย์ และสั่งให้ Ripple จ่ายค่าปรับ $125 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ราคา XRP ร่วงลงต่ำกว่า $0.35 ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดในประวัติการณ์
ทั้ง SEC และ Ripple Labs ต่างก็ยื่นอุทธรณ์ โดย SEC เรียกค่าปรับเพิ่มเป็น 2 พันล้านดอลลาร์ ส่วน Ripple พยายามให้ยกฟ้องคดี การอุทธรณ์ยืดเยื้อและแทบไม่มีความคืบหน้า จนกระทั่งการเลือกตั้งปี 2024 ที่ Donald Trump ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนคริปโตและต่อต้านการกำกับดูแลคริปโตเป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบในคดีนี้ ในเดือนพฤษภาคม 2025 ทั้ง SEC และ Ripple Labs ตกลงร่วมกันยื่นคำร้องขอลดค่าปรับของ Ripple แต่ผู้พิพากษาปฏิเสธ สุดท้ายทั้งสองฝ่ายก็ถอนคดีเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ราคา XRP พุ่งแรงทันที แต่ในตอนนี้ความกังวลในเรื่องดังกล่าวถูกยกออกไปแล้ว อนาคตของ XRP จะเป็นอย่างไร และอะไรจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้เติบโตไปข้างหน้า?
การยอมรับจากสถาบัน
หลังจากที่ข่าวการยุติคดีความยาว 5 ปีระหว่าง SEC และ Ripple เผยแพร่ออกไป มูลค่าโทเค็น XRP ก็พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง เม็ดเงินจากสถาบันได้ไหลเข้าทันที โดยปริมาณการซื้อขายรายวันได้เพิ่มขึ้นกว่า 208% ในวันแรกที่มีข่าว แม้ในตอนแรกมีข้อสงสัยว่าโทเค็น XRP อาจไม่สามารถขายให้กับสถาบันได้อีก เว้นแต่จะมีการยื่นคำร้องใหม่ แต่ศาลก็ชี้ว่าคำสั่งศาลมีผลครอบคลุมเฉพาะการขาย XRP ให้กับสถาบันก่อนปี 2018 เท่านั้น ในปัจจุบัน Ripple อาจมีโอกาสได้รับการยอมรับจากสถาบันมากยิ่งขึ้นด้วยการออกสปอต ETF แบบเดียวกับที่เกิดขึ้นกับ Ethereum และ Bitcoin ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ภายใต้นโยบายของรัฐบาลทรัมป์ เป็นที่ชัดเจนว่า SEC แสดงท่าทีสนับสนุนธุรกิจคริปโตในสหรัฐฯ โดย Paul Atkins ประธาน SEC ได้กล่าวยืนยันเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า: “เมื่อคดีนี้ปิดฉากลง ในตอนนี้เราสามารถย้ายงานของเราจากห้องพิจารณาคดีไปสู่โต๊ะร่างนโยบายได้แล้ว เพื่อที่จะสร้างกรอบการกำกับดูแลที่ชัดเจนและสนับสนุนนวัตกรรม พร้อมกับการคุ้มครองนักลงทุน” ซึ่งดูเหมือนจะไม่มีการขัดขวางการสร้างสปอต XRP ETF ในภายหลัง นอกจากนี้ SEC ยังได้อนุมัติคำขอยกเว้น Regulation D ของ Ripple ซึ่งช่วยลบข้อจำกัดด้านการระดมทุนจากนักลงทุนบางประเภท และเปิดทางในการขายโทเค็นให้กับสถาบันได้แบบไร้ข้อจำกัด ซึ่งจะยิ่งช่วยเพิ่มกระแสเงินที่ไหลเข้าและสนับสนุนตลาดกระทิงของ XRP ต่อไป
การใช้งานที่เพิ่มขึ้น
แม้กระแสเงินที่ไหลเข้าอย่างแข็งแกร่งและการยอมรับในวงที่กว้างขึ้นจะช่วยหนุนราคาในระยะสั้น แต่การเติบโตอย่างยั่งยืนของคริปโตต้องมาจากการใช้งานจริง นับตั้งแต่เปิดตัว XRP Ledger ในปี 2012 Ripple Labs ได้ตั้งเป้าให้ XRP เป็นทางเลือกที่รวดเร็วและโปร่งใสกว่า Bitcoin ซึ่งจะมีการยอมรับโดยธนาคารและสถาบันการเงินอื่น ๆ ให้เป็นเครือข่ายการชำระเงินในยุคบล็อกเชนในที่สุด Brad Garlinghouse ซึ่งเป็น CEO ของ Ripple ได้วิจารณ์ระบบ SWIFT ว่าล้าสมัยและไม่มีประสิทธิภาพ พร้อมตั้งเป้าแย่งส่วนแบ่ง 14% ของตลาดการชำระเงินมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ภายใน 5 ปีต่อจากนี้ การเข้าซื้อกิจการ Intermex มูลค่า 500 ล้านดอลลาร์โดย Western Union เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2025 ซึ่งเป็นผู้ใช้บริการ On-Demand Liquidity (ODL) ของ Ripple นับตั้งแต่ปี 2020 ถือเป็นก้าวเล็ก ๆ ที่มุ่งไปสู่เป้าหมายนี้
นอกจากนี้การรวม XRP เข้ากับระบบกระเป๋าเงินที่ใช้ QR โค้ด โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทหรือชุมชนที่ขาดการเข้าถึงธนาคารทั่วไป ยังเป็นแนวทางที่อาจนำไปสู่การเติบโตในอนาคต การชำระเงินผ่าน QR โค้ดทั่วโลกมีมูลค่าการทำธุรกรรม 5.4 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2024 และคาดว่าจะถึง 8 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2029 ในบริบทนี้ ประโยชน์ของ XRP ที่มีการทำธุรกรรมที่รวดเร็วบนต้นทุนที่ต่ำได้ทำให้เป็นตัวเลือกที่สำคัญในการนำไปใช้ในตลาดที่ยังไม่ได้รับบริการอย่างเพียงพอซึ่งมีการใช้ระบบเงินสดเป็นหลักและมีโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่จำกัด การจำลองโมเดลชี้ให้เห็นว่า หาก XRP สามารถประมวลผลได้เพียง 10% ของธุรกรรมที่ใช้ QR โค้ดทั่วโลกภายในปี 2029 ซึ่งจะมีมูลค่าตามการใช้งานที่ประมาณ $0.674 ต่อโทเค็น และหากเรานำไปคูณด้วยตัวคูณพฤติกรรมตลาดเพื่อคำนึงถึงธรรมชาติของการเก็งกำไรจากการลงทุนคริปโต ราคาก็มีโอกาสที่จะอยู่ในช่วง $6.74 ถึง $33.70 อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามอีกมาก แต่นี่ก็อาจเป็นทิศทางใหม่ของ Ripple หากการทดสอบระบบบล็อกเชนของ SWIFT ร่วมกับ Chainlink ประสบความสำเร็จ
เทรดคริปโตและ CFD ตัวอื่นๆ ด้วย Libertex
Libertex ให้บริการซื้อขาย CFD ของตราสารอ้างอิงทั้งฝั่ง long และ short ที่ประกอบไปด้วยฟอเร็กซ์, ETF, หุ้น, โลหะมีค่า, ออปชั่น และคริปโต ที่ Libertex คุณสามารถเทรด CFD ของคริปโตมากมาย โดยเลือกว่าจะใช้หรือไม่ใช้เลเวอเรจก็ได้ ซึ่งประกอบไปด้วย Bitcoin, Ethereum และโทเค็น XRP ของ Ripple หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติม หรือสร้างบัญชีเทรดจริงเป็นของคุณเอง ให้ไปที่ www.libertex.org/signup วันนี้!