หลังจากผ่านยุคของอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นเวลากว่าทศวรรษ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังวิกฤตโควิดมากกว่า 5% ได้สร้างความตกใจให้กับตลาดอย่างมาก เราได้เห็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น จนถึงจุดที่เท่ากับค่าเงินยูโรเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 20 ปี ในขณะที่สินทรัพย์เสี่ยง อย่างเช่น หุ้น ได้ปรับตัวลดลงท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อสูง และความไม่แน่นอน
แต่หลังจากความสับสนในช่วงแรกที่เข้าใจได้ จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งในช่วงเวลาหลายเดือน หุ้นสหรัฐก็เริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างที่ไม่คาดคิด ก่อนจะเข้าสู่ช่วงตลาดกระทิงในต้นปี 2023 จริงๆ แล้วจากจุดต่ำสุดในเดือนพฤศจิกายน 2022 ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq 100 ได้ปรับตัวขึ้นถึง 48% และ 87% ตามลำดับ รวมถึงการปรับฐาน 5% ในช่วงเดือนที่ผ่านมา
ถึงแม้ว่าการเปลี่ยนแปลงของหุ้น จะไม่สอดคล้องกับภาวะดอกเบี้ยสูง แต่ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และเงินเฟ้อที่ลดลงจากนโยบายการเงินแบบเข้มงวดของเฟด ได้ทำให้เกิดปัจจัยพื้นฐานที่ดีต่อการเติบโต
ล่าสุดในวันพุธที่ผ่านมา (18 กันยายน) เฟดได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% จากช่วง 5.25% ถึง 5.50% มาอยู่ที่ช่วง 4.75% ถึง 5.0% ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดเป็นอย่างมาก แต่เหตุผลเบื้องหลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่มากกว่าคาดครั้งนี้คืออะไร และต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจะส่งผลอย่างไร ต่อตลาดหุ้นและค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ?
การปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรก เป็นการปรับลดที่มากที่สุด
เมื่อเฟดเชื่อว่า เงินเฟ้ออยู่ในการควบคุมแล้ว หลังจากที่ตัวเลขเงินเฟ้อ CPI อยู่ในระดับต่ำกว่า 3% เป็นเวลาสองเดือนติดต่อกัน การปรับลดอัตราดอกเบี้ย จึงเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม ขนาดของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนี้ ได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เครื่องมือ FedWatch ของ CME ได้คาดการณ์ว่า มีโอกาส 69% ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 bps แต่โอกาสในการลดถึง 50 bps กลับมีเพียงแค่ 31% อย่างไรก็ตาม ก็สมเหตุสมผลที่เฟดอาจต้องการสร้างความประทับใจครั้งใหญ่ ให้กับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี ท้ายที่สุดแล้ว ตลาดได้คาดการณ์ว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญนี้มาเกือบหนึ่งปีเต็ม และการปรับลด 25 bps ได้ถูกรับรู้ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ มาเป็นเวลานานแล้ว
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการปรับนโยบายเมื่อเงินเฟ้อเข้าใกล้ระดับเป้าหมายที่ 2% เท่านั้น แต่ยังเป็นการตอบสนองต่อตลาดแรงงานที่อ่อนแอลง และการปรับฐานของตลาดหุ้น เฟดจึงจำเป็นต้องแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจน นายเจอโรม พาวเวลล์ ได้ให้ความเห็นหลังการประชุมว่า "พวกเรากำลังพยายามฟื้นฟูเสถียรภาพของราคา โดยไม่ทำให้อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง ซึ่งในบางครั้งก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับภาวะเงินเฟ้อนี้" ซึ่งนั่นหมายความว่า การลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม มีแนวโน้มที่จะมีขนาดลดลง และเราอาจต้องรออีกหลายเดือน สำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป นายพาวเวลล์ยังได้พูดถึงความเคลื่อนไหวในอนาคตด้วยว่า "ความตั้งใจของเราคือการรักษา [อัตราดอกเบี้ย] ไว้ที่ระดับนี้" สำหรับตลาดหุ้น นี่อาจหมายถึงการปรับตัวขึ้นเล็กน้อย และอาจทำให้ไม่มีการปรับฐานเพิ่มอีกในหนึ่งเดือน ซึ่งโดยปกติมักไม่ดีต่อตลาดหุ้น
โปรดลดลงมาจากด้านบนเพียงเล็กน้อย
เมื่อเราจดจ่อไปที่ตราสารทุนเป็นหลัก เรามักมองข้ามผลกระทบของการตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยที่มีต่อค่าเงินประจำชาติ และในขณะที่เฟดต้องการปกป้องค่าเงินดอลลาร์ จากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ ผลกระทบที่เกิดขึ้นบางอย่าง ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยง ดัชนีดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลงทันที หลังจากการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยในวันพุธ ไปอยู่ที่ 100.21 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2023 อย่างไรก็ตาม ในช่วงสิ้นวัน ดัชนีได้เพิ่มขึ้น 0.05% มาปิดที่ 100.970 ดูเหมือนว่า การแสดงความเห็นของพาวเวลล์หลังการประชุม ได้ช่วยลดความตื่นตระหนกของตลาด หลังการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50%
นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าตลาดได้รับรู้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยแล้วเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากข้อมูลจากเครื่องมือ FedWatch ของ CME แสดงให้เห็นว่า โอกาสในการลดอัตราดอกเบี้ย 50 bps ในสัปดาห์นี้อยู่ที่ 65% ค่ากลางของความคาดหวังเกี่ยวกับนโยบายจากเฟดได้แสดงให้เห็นว่า หน่วยงานผู้กำกับดูแลคาดว่า อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 4.4% ภายในสิ้นปี 2024 และ 3.4% ภายในสิ้นปี 2025 ซึ่งแสดงให้เห็นถึง แนวโน้มการลดอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป นอกจากนี้ พาวเวลล์น่าจะคำนึงถึงการปรับกลับเป็นปกติ ของเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปีและ 10 ปีด้วยเช่นกัน โดยปกติแล้ว สิ่งนี้จะถือเป็นสัญญาณบวก ที่จะเอื้อให้เกิดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อไป อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นล่าสุดบ่งบอกว่า อาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะเศรษฐกิจถดถอย เมื่อนำมาพิจารณาร่วมกับนโยบายของธนาคารกลางแบบผ่อนคลาย เฟดจึงต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง เพื่อตอบสนองต่อเป้าหมายการเติบโตของ GDP ที่ 2% ตราบใดที่การว่างงานยังอยู่ภายใต้การควบคุม ค่าเงินดอลลาร์จะยังคงอยู่ใกล้ระดับปัจจุบัน
เทรดหุ้น ฟอเร็กซ์ และ CFD ตัวอื่นๆ ด้วย Libertex
Libertex ให้บริการ CFD ของหลายกลุ่มสินทรัพย์ เริ่มตั้งแต่ฟอเร็กซ์ โลหะ และสกุลเงินดิจิทัล ไปจนถึง ETF ดัชนี และหุ้น ด้วย Libertex คุณจะสามารถเทรดดัชนีตัวสำคัญของสหรัฐฯ เช่น Nasdaq 100, S&P 500, และ Dow Jones Industrial Average รวมถึงสินทรัพย์ที่อ้างอิงกับฟอเร็กซ์ เช่น ดัชนีดอลลาร์สหรัฐ, EUR/USD, และ GBP/USD หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ให้ไปที่ www.libertex.org/signup วันนี้ แล้วสร้างบัญชีเป็นของคุณเอง หากคุณยังไม่มีบัญชี