ปีนี้เป็นปีที่ดูมีสัญญาณเชิงบวก นักลงทุนฝั่งกระทิงของ Bitcoin อาจกำลังคาดหวังว่าจะเกิดซานต้าแรลลี่ขึ้น หลังจากที่ Bitcoin ซื้อขายอยู่เหนือระดับ $100,000 เกือบตลอดปี 2025 ราคาก็พุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ตลอดกาลที่ $126,270 ในเดือนตุลาคมก่อนจะเริ่มปรับฐานครั้งใหญ่ ในขณะนี้ BTC ปรับตัวลงเกือบ 30% จากจุดสูงสุดนี้ และดูเหมือนว่านักลงทุนคริปโตที่มองบวกบางส่วนก็เริ่มกังวลว่า เราอาจกำลังอยู่ในช่วงปลายของตลาดกระทิงที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ยุคเริ่มต้นของสกุลเงินดิจิทัล
แม้ว่าความสนใจและราคาทองคำจะพุ่งสูงขึ้น แต่การปรับตัวขึ้นล่าสุดของสินค้าโภคภัณฑ์ได้สะท้อนให้เห็นว่า Bitcoin ยังไม่สามารถถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มสินทรัพย์รักษามูลค่าในระดับเดียวกับทองคำได้ บางทีเนื่องจาก BTC มีความอ่อนไหวต่อทิศทางนโยบายของธนาคารกลางและประเด็นด้านสภาพคล่องมากเกินไป ทำให้ BTC ไม่สามารถได้ประโยชน์จากภาวะเงินเฟ้อเช่นเดียวกับทองคำ เช่นเดียวกับโลกของการลงทุน นโยบายของเฟดจะยังคงเป็นตัวกำหนดทิศทางของตลาดคริปโตต่อไป อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเฉพาะตัวอย่างการลดค่าเงินดอลลาร์และความต้องการเครื่องมือทางเลือกในการป้องกันความเสี่ยงอาจช่วยนำ BTC ต่อไปในปี 2026 และหลังจากนั้น
พลังของนโยบาย
Bitcoin (BTC/USD) ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยไปอยู่บริเวณ $94,000 ในวันที่ 10 ธันวาคม แต่ความหวังเกี่ยวกับการปรับตัวขึ้นในช่วงปลายปีกลับลดลงหลังการประชุมนโยบายการเงิน 2 วันของเฟดและถ้อยแถลงหลังการตัดสินใจ แม้ว่าเฟดจะประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 bps ในวันที่ 11 ธันวาคม ซึ่งทำให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วง 3.50% ถึง 3.75% แต่คำกล่าวหลังการประชุมของประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ถูกตีความว่าอาจมีการพักนโยบายแบบผ่อนคลายในเดือนมกราคมในขณะที่ผู้กำหนดนโยบายพยายามสร้างสมดุลระหว่างการควบคุมเงินเฟ้อกับตลาดแรงงานที่เริ่มชะลอตัวลง การลงมติของคณะกรรมการ FOMC แบ่งออกเป็น 9-3 โดยมีกรรมการหนึ่งรายเรียกร้องให้ลดดอกเบี้ย 50 bps และอีกสองรายต้องการให้ไม่ลดดอกเบี้ย ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า ผู้กำหนดนโยบายอาจลดดอกเบี้ยเพียง 0.25 ครั้งเดียวในปี 2026 และอีกครั้งในปี 2027 แม้ว่าสิ่งนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ หากสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ในปี 2026 ดังที่พาวเวลล์กล่าวไว้ว่า: "ไม่มีเส้นทางนโยบายที่ปราศจากความเสี่ยงในการรับมือกับความตึงเครียดระหว่างเป้าหมายด้านการจ้างงานและเงินเฟ้อ" ซึ่งสะท้อนว่าเฟดยังคงใช้แนวทาง "รอดูสถานการณ์"
อย่างไรก็ตาม ท่าทีนี้อาจไม่คงอยู่ตลอดไป เนื่องจากวาระการดำรงตำแหน่งของพาวเวลล์จะสิ้นสุดลงในเดือนพฤษภาคม 2026 นิค พัคคริน นักวิเคราะห์การลงทุนและผู้ร่วมก่อตั้งจาก Coin Bureau คาดว่าประธานาธิบดีทรัมป์อาจเสนอชื่อ เควิน แฮสเซตต์ ซึ่งถูกมองว่าเป็นผู้สมัครที่เป็นมิตรกับอุตสาหกรรม ให้เข้ามาแทนที่พาวเวลล์ พัคครินกล่าว "หากเควิน แฮสเซตต์ ซึ่งมีแนวโน้มผ่อนคลายมาก กลายเป็นตัวเต็งในการเข้ามาแทนพาวเวลล์ในปีหน้า ตลาดอาจเปลี่ยนจากความซบเซาไปสู่ความคึกคักอย่างรวดเร็วในปี 2026" แม้ยังไม่มีความแน่นอนว่าทิศทางอัตราดอกเบี้ยจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่จากการที่ BTC/USD ปรับตัวลง 3.5% นับตั้งแต่เฟดลดดอกเบี้ยลงเพียงเล็กน้อยพร้อมส่งสัญญาณระมัดระวัง แสดงให้เห็นว่าตลาดคริปโตอาจต้องการการดำเนินการเกี่ยวกับนโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายมากกว่านี้ ก่อนที่จะกลับมาเดินหน้าในขาขึ้นได้อีกครั้ง
แรงขับเคลื่อนจากการลดค่าเงิน
เราอาจรับรู้มาโดยตลอดว่าอำนาจของเงินดอลลาร์สหรัฐค่อย ๆ ลดลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ในช่วงนี้คำว่า การลดค่าเงินดอลลาร์ กลายเป็นหนึ่งในคำค้นหายอดนิยมที่สุดในโลกเกี่ยวกับเศรษฐกิจ เมื่อการค้นหาบน Google ทำสถิติสูงสุด ราคาทองคำและเงินก็พุ่งขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน กลุ่มประเทศ BRICS กำลังผลักดันแนวคิดสกุลเงินดิจิทัลที่อ้างอิงกับทองคำ ในขณะที่ปริมาณเงินของสหรัฐเพิ่มขึ้นในรูปแบบเงินตราแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะหลังจากที่พาวเวลล์ได้ส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ของการทำ QE ในปีหน้า อย่างไรก็ตาม คำถามสำคัญของชุมชนคริปโตคือ: หากการลดค่าเงินดอลลาร์กำลังเร่งตัวขึ้น ทำไม Bitcoin จึงไม่ปรับตัวขึ้นสูงกว่าเดิม? จริง ๆ แล้วดัชนีดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่น ๆ และสูญเสียมูลค่าไปกว่า 10% นับตั้งแต่ต้นปี ตามทฤษฎีแล้ว การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ควรส่งผลให้ราคา BTC ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจาก Bitcoin ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์หลบภัยที่ไม่มีกลไกการสร้างเงินเฟ้อ
แต่ในความเป็นจริงแล้ว BTC กลับปรับตัวลดลง 7% นับตั้งแต่ต้นปี และลดลงถึง 27% จากจุดสูงสุดตลอดกาล สาเหตุสำคัญคือ ธนาคารกลางทั่วโลกยังคงเลือกป้องกันความเสี่ยงของเงินเฟียตด้วยโลหะมีค่าที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้ว แต่แนวโน้มนี้อาจเริ่มเปลี่ยนได้ในปี 2026 สหรัฐอเมริกาได้จัดตั้งคลังสำรอง Bitcoin เชิงยุทธศาสตร์ระดับชาติแล้ว ในขณะที่สาธารณรัฐเช็กและไต้หวันต่างก็กำลังพิจารณาลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ด้วยการเข้าซื้อ Bitcoin ควบคู่กับทองคำ เมื่อเวลาผ่านไป Bitcoin มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากขึ้นสำหรับการสร้างทุนสำรอง เนื่องจากมีสภาพคล่องสูงและโอนย้ายได้สะดวก โดยเฉพาะหลังจากการเปิดตัวสปอต ETF ตั้งแต่เดือนมกราคมของปีที่ผ่านมา สิ่งที่เราต้องคำนึงถึงคือ การเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin มีความซับซ้อนมากกว่าทองคำ เนื่องจากมีสถานะเป็นทั้งสินทรัพย์เก็งกำไรและสินทรัพย์รักษามูลค่าไปพร้อมกัน ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า การเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการเข้าซื้อเป็นประจำของทั้งรัฐบาลและกองทุน อาจต้องใช้เวลาในการสะท้อนออกมาในราคาตลาด โดยเฉพาะในช่วงที่มีความผันผวนสูงเช่นในปัจจุบัน
เทรด CFD ของ Bitcoin และอื่นๆ ด้วย Libertex
Libertex ให้บริการซื้อขาย CFD ของตราสารอ้างอิงทั้งฝั่ง long และ short ที่ประกอบไปด้วยฟอเร็กซ์, ETF, หุ้น, โลหะมีค่า, ออปชั่น และคริปโต ที่ Libertex คุณสามารถซื้อและขาย CFD ของคริปโตมากมาย โดยเลือกว่าจะใช้หรือไม่ใช้เลเวอเรจ ซึ่งรวมถึงตัว Bitcoin และ Grayscale Bitcoin Trust หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติม หรือสร้างบัญชีเทรดจริงเป็นของคุณเอง ให้ไปที่ www.libertex.org/signup วันนี้!
