เมื่อฤดูการขับขี่ในหน้าร้อนกำลังใกล้เข้ามา ราคาน้ำมันก็กลายเป็นประเด็นที่น่าจับตาอย่างยิ่งสำหรับทั้งนักลงทุนและผู้เข้าร่วมตลาดทั่วไป แม้จะมีความไม่มั่นคงทางภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลางซึ่งเป็นแหล่งผลิตหลัก แต่ราคาน้ำมันกลับยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบที่ค่อนข้างแคบในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ล่าสุดอยู่ที่ระดับ $63.90 ต่อบาร์เรล ซึ่งยังคงลดลงมากกว่า 15% จากระดับเมื่อวันที่ 1 เมษายน และอยู่ใกล้จุดต่ำสุดที่ $60.23 ซึ่งเป็นระดับที่ไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งแต่ช่วงล็อกดาวน์โรคแพร่ระบาดเมื่อปี 2021 สำหรับ WTI และ Light Sweet มีลักษณะคล้ายกันโดยอยู่ที่ $62.97 ต่อบาร์เรล เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม
จากนโยบายภาษีของทรัมป์ ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ ราคาน้ำมันจึงไม่สามารถยืนอยู่ในระดับสูงได้แม้จะมีปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ที่โดยปกติแล้วจะช่วยหนุนราคาน้ำมันก็ตาม สิ่งเหล่านี้เมื่อรวมกับความเคลื่อนไหวล่าสุดของ OPEC+ ในการควบคุมราคาน้ำมันเมื่อไม่นานมานี้ ก็ยิ่งทำให้แรงของอุปสงค์และอุปทานหักล้างกันไปในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา มีปัจจัยใดอีกบ้างที่กำลังขับเคลื่อนตลาดน้ำมันอยู่ในขณะนี้ และราคาน้ำมันจะมีทิศทางเป็นอย่างไรในช่วงฤดูร้อนและหลังจากนั้น
มากกว่าเพียงแค่อุปทาน
เช่นเดียวกับตลาดอื่น ๆ ตลาดน้ำมันดิบเป็นระบบนิเวศที่ซับซ้อนซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัยหลายอย่างมากกว่าเพียงแค่เรื่องอุปสงค์และอุปทาน สถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายเศรษฐกิจในประเทศล้วนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง ความไม่แน่นอนที่ยังคงมีอยู่และกำลังเพิ่มขึ้นทั้งในตะวันออกกลางและยุโรปตะวันออกได้ส่งผลต่อทั้งฝั่งอุปทานและอุปสงค์ ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อยังคงเป็นประเด็นหลักสำหรับเฟด ซึ่งทำให้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยต้องเลื่อนออกไป แม้หลายฝ่ายจะเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงจะเป็นแรงขับเคลื่อนอุปสงค์รอบใหม่
แม้ตัวเลขเงินเฟ้อของดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนเมษายนจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2021 ที่ 2.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี แต่ก็ยังสูงกว่าระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% นอกจากนี้ หน่วยงานกำกับดูแลยังคงรอดูผลกระทบจากนโยบายภาษีใหม่ของทรัมป์ก่อนที่จะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย ปัจจัยบวกอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม คือศาลสหรัฐฯ ได้ตัดสินว่าภาษีตอบโต้ส่วนใหญ่ที่ทรัมป์ได้ระงับไว้ชั่วคราวนั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งส่งผลให้ตลาดยอมรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้นและมีความคาดหวังว่าอุปสงค์ในภาคอุตสาหกรรมจะฟื้นตัว ซึ่งอาจทำให้เฟดพิจารณาลดดอกเบี้ยได้ นอกจากนี้ เมื่อไม่นานมานี้ข้อมูลจากสถาบันปิโตรเลียมอเมริกันที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม แสดงให้เห็นว่า ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ลดลง 4.24 ล้านบาร์เรลในช่วงสัปดาห์ ในขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรล ตัวเลขนี้ได้สร้างความหวังว่าอุปสงค์ยังมีความแข็งแกร่งและแซงหน้าอุปทาน ซึ่งเมื่อรวมกับปัจจัยอื่น ๆ ข้างต้น อาจทำให้ราคาน้ำมันปรับขึ้นในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเศรษฐกิจเบื้องต้นชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการหดตัว 0.3% ในไตรมาสแรกของปี 2025 ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจเป็นปัจจัยที่ฉุดตลาดน้ำมันอยู่
OPEC+ ขยับอีกครั้ง
กลุ่ม OPEC+ ที่ขึ้นชื่อเรื่องการควบคุมตลาดน้ำมัน ได้ตกเป็นข่าวอีกครั้งหลังประกาศเพิ่มกำลังการผลิตต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตในเดือนมิถุนายนอีก 411,000 บาร์เรลต่อวัน แม้การเพิ่มกำลังการผลิตก่อนเข้าสู่ฤดูการขับขี่จะดูสมเหตุสมผล แต่นักวิเคราะห์บางส่วนก็แสดงความกังวลว่านี่อาจเป็นสัญญาณของความพยายามในการกดราคาน้ำมันแบบที่เคยเกิดขึ้นในปี 2015 ผู้ผลิต shale oil ในสหรัฐฯ จำเป็นต้องให้ราคาน้ำมันอยู่เหนือระดับ $60 ต่อบาร์เรลจึงจะคุ้มทุน และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ OPEC ใช้ประโยชน์จากตลาดที่อ่อนแอโดยใช้อุปทานที่ล้นตลาดในการบีบให้ราคาต่ำกว่าจุดคุ้มทุนของผู้ผลิตเหล่านี้
ก่อนการประชุมกลุ่มครั้งถัดไปในวันที่ 31 พฤษภาคม ในปัจจุบันยังไม่มีฉันทามติที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น แหล่งข่าวบางส่วนระบุว่า ทางกลุ่มจะไม่เปลี่ยนแปลงกำลังผลิต ในขณะที่แหล่งข่าวอีกส่วนหนึ่งคาดว่าจะมีการเพิ่มเล็กน้อย โดยเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม แหล่งข่าวนิรนามสามรายใน OPEC บอกกับ Reuters ว่าอาจมีการเพิ่มการผลิตอีก 411,000 บาร์เรลต่อวันอีกครั้ง ข้อมูลจากโรงกลั่นระบุว่า ซาอุดีอาระเบียอาจปรับลดราคาน้ำมันอย่างเป็นทางการสำหรับเดือนกรกฎาคมไปยังระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม เพื่อตอบสนองต่อการเพิ่มกำลังการผลิต ซึ่งจะทำให้ตลาดเอเชียสามารถเข้าถึงน้ำมันราคาถูกได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ สหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรดูเหมือนว่าจะคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันจะลดลงในระยะใกล้ โดยทั้งสองฝ่ายต่างกดดันให้สหรัฐฯ ปรับลดเพดานราคาน้ำมันรัสเซียจาก $60 เหลือ $50 ต่อบาร์เรล เราจะต้องรอผลการประชุม OPEC+ เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น แต่ที่แน่นอนคือ ฝั่งอุปทานจะยังคงแข็งแกร่ง คำถามคือ อุปสงค์จะสามารถไล่ตามได้ทันหรือไม่?
เทรดน้ำมัน และ CFD ตัวอื่น ๆ ที่ Libertex
ที่ Libertex คุณสามารถเลือกเทรด CFD ได้มากมาย เริ่มตั้งแต่หุ้น
ฟอเร็กซ์ และ ETF ไปจนถึงดัชนี คริปโต และแน่นอนว่าต้องเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ CFD ของสินค้าโภคภัณฑ์ที่ Libertex มีน้ำมันดิบสหรัฐที่สำคัญด้วย เช่น Brent, Light Sweet และ WTI หากต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมหรือสร้างบัญชีเป็นของคุณเอง โปรดไปที่ www.libertex.org/signup วันนี้!